หน้าแรก

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ ที่กำลังจะขึ้นค่อมอาน BIG BIKE

       

          สมัยก่อนตามท้องถนนช่วงแรกๆ เราจะเห็นว่ามี 2 จังหวะ ต่อมา และต่อมาก็จะเริ่ม WAVE SPARK SONIC บลาๆๆ จนกระทั่ง เข้าสู่ยุค AUTOMATICs    ที่รุ่นฮิตๆก็ MIO  CLICK NOUVO ต่างๆ  และสังคมวัยรุ่น ช่วงนึงก็หันได้สนใจ CLASSIC เป็นช่วงฟีเวอร์กันมาก WAVE จะหายซะบ่อยช่วงนั้น เพราะมันดันเอาเครื่องไปใส่รถคลาสสิค  555555+    

         เข้าสู่ยุคนี้ที่ BIGBIKE บูม  แบรนด์แรกๆ ที่มาทำตลาดก็มี KAWASAKI ที่มายุคแรกๆ กับ ER6N ที่คนยังไม่สนใจกันมากนัก  แต่ก่อนหน้านั้นBIGBIKE ไม่ใช่ว่าไม่มีคือมี แต่หาซื้อกันไม่ง่ายเหมือนตอนนี้ เช่น CB400 XJR400  ถือว่าเป็นรถที่ดีทีเดียวเลย ราคา + ของที่มีให้ = คุ้มสุดๆ


        เรามาดูข้อแนะนำสำหรับคนที่ต้องการเล่น BIGBIKE กันดีกว่า  ซึ่งทั้งหมดนี้ผมอธิบายจากประสบการณ์ของผมที่เจอๆมา อยากให้คนที่กำลังเล่นคิด และไตร่ตรองก่อนซื้อก่อนเล่น





• เมื่อคุณซื้อรถมือ 1 มาแล้วคุณขับได้สักระยะ และมีตัวเท่ๆของแบรนด์อื่นออกมาคุณเกิดความอยากได้จริงๆ และจะขายคันที่มีอยู่ คุณจะขาดทุน เกือบแสน หรือ แสน+




• เมื่อคุณซื้อรถรุ่นนั้นๆแล้ว 1-3 เดือนต่อมา รุ่นนั้นๆออกตัวใหม่เท่ยิ่งกว่าเดิม หรือ!!!  ลดราคาลงเป็นแสนๆ  คุณจะผิดหวังอย่างมาก เพราะเซลล์ไม่มีทางปริปากบอกคุณแน่ๆ





• เมื่อคุณเห็นราคา BIGBIKE  ถูกๆ ไม่แพง เช่น 400,000 บาท คุณอย่าลืมนะครับ ว่ามีอะไรตามมา
บ้าง  เมื่อเริ่มต้นซื้อ  ก็จะมี  ค่าประกัน  ค่า พรบ.  ค่าจดทะเบียน  บางแบรนด์ก็จะมีเป็นโปรโมชั่น ฟรีมาให้เลย  แต่ใช้ได้สักพักในปีถัดไปคุณจะต้องจ่ายเอง และถ้าผ่อนไฟแนนซ์  จะต้องจ่ายค่าบริการให้ไฟแนนซ์อีกนะครับ ลองคิดดูนะครับ  รถ 400,000 บาท  ผ่อนโดยประมาณ 11,000 บาท พรบ.+ภาษี+ประกัน ตีไป 20,000(อาจถูกกว่านี้)   ค่าเปลี่ยนยาง ในกรณีออกรถใหม่ๆมาคุณออกทริปบ่อยมากๆ ประเภทใช้รถคุ้มสุดๆ ยางหน้าหลัง  11,000 บาท     มันจะมีอยู่ 1 เดือนในปีนั้น ที่คุณจะต้อง โดน รายจ่ายพวกนี้ พร้อมกันๆ เช่น ค่าผ่อนรถ+ประกัน+ทะเบียน+พรบ.+ภาษี     ค่าผ่อนรถ+ค่าเปลี่ยนยาง อย่าลืมเตรียมเงินนะครับ




• คุณไม่มีทางหลีกเลี่ยงของแต่งได้   ฮ่าๆๆ  อันนี้ความจริง แต่ก็มีบางคนไม่แต่งก็มีแต่น้อยครับ ซื้อมาขับเดิมๆทุกชิ้นทุกอย่างไม่มีของแต่งเลย  อย่างน้อยก็ต้องมีบ้างแหละ ไม่มากก็น้อยเตรียมตังส่วนนี้ไว้ด้วยนะครับ




• ชุดสำหรับขับขี่  อันนี้คือเรื่องสำคัญจริงๆ ซีเรียสมากๆนะครับ ไม่ว่าคุณจะขับBIGBIKE 250cc ยัน 1000cc+ คุณก็ต้องเซฟตัวคุณเอง ยิ่งสำหรับคนมีครอบครัวแล้วด้วยต้องระวังมากๆ เรื่องชุดนี้ถ้าจัดดีๆได้จัดเถอะครับมันอาจจะแพงนะครับ แต่มันดีมากๆ เช่นกางเกงลายทหารของก็อบ  2,900 บาท ของแท้ 8,900 บาท เมื่อล้มมาก 2,900 บาท ขาดกระจุยแน่ๆ แต่ 8,900 บาท ขาดแค่ข้างนอก ข้างในยังมีเคฟล่ากันอยู่ซึ่งไม่ถึงเนื้อเราอย่างแน่นอนครับ      หมวกกันน็อค เลือกคุณภาพสักนิดเถอะครับผมเห็นร้านบางร้านเอาแต่เงิน คุณภาพไม่มี SALEอีกต่างหาก โอ้ว อันตรายครับ   เลือกสักนิดชีวิตจะปลอดภัย ผมแนะนำคลิปๆนึง เปิดดูเถอะครับ คลิกดูคลิป




• อุบัติเหตุ BIGBIKE มีตั้งแต่เบายันหนัก ส่วนใหญ่เลยเกิดจากความเร็วทั้งนั้นและก็การเข้าโค้งซึ่งก็อันตรายเหมือนกันหากหลุกโค้ง เมื่อคุณขับคุณต้องมีสตินึกต้องอนาคตล่วงหน้าว่าถ้าล้มไปคุณจะเป็นอย่างไร ครอบครัวคุณจะอยู่อย่างไร ชีวิตไม่ได้หยุดแค่นี้



• ค่าบำรุงรักษา !! สำคัญอีกข้อนึง คุณจะได้เสียเงินตามกิโลเมตรของคุณ แล้วแต่บางแบรนด์กำหนด เช่น 1000 km  6000km 12000km 18000km 24000km    ช่วง 24000km เป็นช่วงที่พีคสุดๆเลยหละครับจ่ายหนักสุดๆเลย ไม่เชื่อไปดูค่ายยุโรบได้ อิอิ ไม่ใช่มีแค่นี้นะครับ นอกจากค่าใช้จ่ายถ่ายน้ำมันเครื่องอะไรต่างๆทำกิโลเมตรแล้วยังมี ค่าที่คุณต้องดูแลเองด้วยเช่น สเปรย์ฉีดโซ่ น้ำยาล้างรถหรือจะให้ร้านล้างก็แล้วไปราคาพอๆกับรถยนต์แหละครับ 200 กว่าบาท   ค่าตั้งโซ่  ค่าหล่อลื่นส่วนหมุนต่างๆ น้ำยาเคลือบเงาวิ้งๆ อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน  และก็มากมาย

       ผมก็ขอจบข้อพื้นฐานไว้เพียงเท่านี้นะครับ ยังไงก็ฝากคนที่จะเริ่มเล่นคิดทบทวนอีกที ไม่ใช่แต่เห็นรูปร่างรถสวย เท่ ราคาสามารถผ่อนไหวซื้อได้ แต่จริงๆมันไม่ได้มีแค่นั้น เปรียบเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ไททานิกชน เห็นด้วยตาก้อนนิดเดียวแต่จริงๆแล้วใต้น้ำอีกใหญ่มโหราฬ เลยนะครับ

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

XENA Security Disc Locks อุ่นใจ จอดที่ไหนก็ไม่หาย ถ้าไม่ยก


XENA



เคยไม๊ ? ไปจอดที่ไหนก็ไม่อุ่นใจ กลัวรถหาย โดนหักคอ เข็นไป หรือต่อสายตรง  บทความนี้เราจะมาพูดถึงตัวล็อคดิส ยี่ห่อ XENA กัน




XENA DISC LOCK มีหลายรุ่น มีทั้งแบบ มีเสียง ไม่มีเสียง ผมจะแบ่งข้อดีข้อเสีย ของแบบมีเสียง และไม่มีเสียงกันมาให้อ่านนะครับผม






แบบ ไม่มีเสียง 
ได้แก่รุ่น  X1  และ X2
ข้อดี
- แข็งแรง
- ไม่ต้องกลัวเสียเพราะน้ำเข้า
- ไม่ต้องกลัวเซ็นเซอร์พังจากความร้อน

ข้อเสีย
- ไม่มีเสียง ทำให้เราอาจไม่รู้ตัว




แบบ มีเสียง 
ได้แก่รุ่น XX   XN   และ  XZZZ6L
ข้อดี
- มีเสียงคอยเตือนเรา

ข้อเสีย
-น้ำเข้าจะพังเอา
-ความร้อนจากเบรคทำให้เซ็นเซอร์พัง
-แค่สกิดก็มีเสีย เซ็นเซอร์ไวมากๆ








SLIME ติดรถไว้ อุ่นใจเมื่อภัยมา


              เคยประสบปัญหายางแบนเพราะ ตะปูทิ่ม หรือเศษต่างๆขณะเดินทางท่องเที่ยวไหม นั้นทำให้ปัญหาการท่องเที่ยวของคุณล่าช้า ต้องค่อยๆบดๆๆๆๆยางเพื่อหาร้านปะ เสี่ยงขอบล้อเสีย เมื่อบดไกลๆหลายๆกิโล



                                           วันนี้จะมาพูดถึงน้ำยา SLIME เราไปดูกันเลยดีกว่า

                          









ในการเติม SLIME  รถควรใช้ความเร็วไม่เกิน 100 km/h   และ SLIME นี้ในรถยนต์ หรือรถที่มีความเร็ว 100 km/h ขึ้นไปควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ส่วนในจักรยานสามารถใช้ได้เลย เพื่อป้องกันยางแบน


ดูคลิปเพื่อความเข้าใจ


CRS DUU รถหลุดโลก ยังกะยานอวกาศ


หลายท่านอาจจะยังไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักมันคืออะไร แบรนนี้ รถเป็นยังไง ทำไมถึงแหวกแนวได้อย่างงี้ เรามาทำความรู้จักมันกันเล็กน้อยกันหน่อยดีฟ่าาา





เจ้า CRS DUU นี้เป็นมอไซ HAND MADE จากฝั่งธง 3 สี ก็คือ อิตาลี่ วู้วว!! อาจจะเป็นญาติจากแดง DUCATI ก็เป็นได้ วะฮ่าๆ  



เรามาดูแต่ละรุ่นของเจ้านี่กันก่อนดีกว่า


SBIRLUSCENTA






ITALA












TRESOR









           เป็นยังไงหละครับ นี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่นำการมาให้ดู ในประเทศไทยตัวผมยังไม่เคยเห็นสักกะคัน คงเป็นเพราะเรื่อง SERVICE อะหลั่ยต่างๆที่ต้องทำเข้าจากอิตาลี่  ทำให้ราคาค่อยข้างแพง คนจึงไม่นิยมมา ส่วนราคาของจากแบรนนี่ เริ่มต้นที่ € 39.039  แปลงเป็นเงินไทยก็ลองหาเอาละกันนะครับ อย่าลืมบวกภาษีเพิ่มอีกประมาณ 200% นะฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟ


              เอาหละ เรามาฟังเสียงเครื่องยนต์เจ้าตัวนี้บ้างกันดีกว่า ว่าจะแซบ ซ๊าดด เข้าสมองชั้นในกันขนาดไหน มา!! 


                                          


ณ โรงงาน



**ขออภัยอย่างแรง ผมหาคลิปที่คนไทยไปสัมภาษณ์ถึงโรงงานไม่เจอ เนื่องจากผมดูมา 4 5 ปีแล้ว ลิ้งค์หายไปไหนแล้วไม่รู้

วิธีการเข้าโค้งของชาว 2 ล้อ


จากที่ผมศึกษาอ่านวิธีการเข้าโค้งจากเว็บไซด์ต่างๆหลายๆเว็บไซด์ ผมเลยเลือกเว็บที่เข้าใจง่ายสุด อ่านง่ายสุดมา ให้ผู้อ่านได้อ่านกัน 





1.แบบ Lean-out (ลีน เอ้าท์)
          การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวค่อนไปทางด้านนอกโค้ง โดยตัวรถจะเอียงเข้าไปด้านในโค้งเล็กน้อย ซึ่งจะเหมาะสำหรับสภาพผิวทางโค้งที่สามารถลื่นไถลได้ง่าย การเข้าโค้งในลักษณะ Lean-out นี้จึงพบมากในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบาก เนื่องจากสามารถควบคุมรถแม้เมื่อเกิดการลื่นไถลต่างๆ ได้ดี

  
2.แบบ Lean-With (ลีน วิท)
          การเข้าโค้งในลักษณะนี้ เรียกได้ว่าผู้ขับขี่นั้นจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวรถเลยก็คงจะไม่ผิด กล่าวคือทั้งรถและผู้ขับขี่จะเอียงไปเท่าๆ กัน ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานปกติเพราะผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนทิศทางและควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย โดยที่มือและเท้ายังคงทำงานได้อย่างสะดวก เป็นท่าทางการเข้าโค้งแบบมาตรฐานของการขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกประเภท ที่จะช่วยให้เรามีความปลอดภัยในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

 
3.แบบ Lean-In (ลีน อิน)
          การเข้าโค้งแบบนี้ทางด้านผู้ขับขี่จะต้องถ่วงน้ำหนักไปทางด้านในโค้ง โดยเอียงมากกว่าตัวรถเล็กน้อย เหมาะสำหรับการเข้าโค้งที่ต้องการความเร็วและมั่นใจในการยึดเกาะของรถได้ การเข้าโค้งแบบนี้จะให้ความคล่องตัวในการบังคับควบคุมน้อยกว่าแบบ Lean-with



4.แบบ Hang-on (แฮงค์ ออน)
          การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวไปด้านในโค้งมาก จนอยู่ในลักษณะแบบที่เราเรียกกันว่า "โหนรถ" เพื่อการทรงตัวที่ต้องบาล้านซ์กับแรงเหวี่ยงมากๆ จากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมรถได้ค่อนข้างยาก ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานปกติ เพราะส่วนมากแล้วจะใช้การแบนโค้งในลักษณะนี้เฉพาะในสนามแข่งทางเรียบเท่านั้น



 
         จากท่าทางการเข้าโค้ง 4 แบบที่กล่าวมา เราจะเห็นได้ว่าการขับขี่เข้าโค้งแบบ Lean-With (แบบมาตรฐาน) เป็นท่าที่เหมาะสมและให้ความปลอดภัยมากที่สุด ตลอดจนเป็นท่าทางที่ต่อเนื่องมาจากท่าทางการขับขี่แบบปกติ ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนท่าก่อนหรือในขณะเข้าโค้ง กล่าวง่ายๆ ก็คือ เท้าทั้งสองอยู่บนพักเท้า หัวเข่าแนบกระชับถังน้ำมัน  แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือจากที่รถอยู่ในลักษณะตั้งตรงมาอยู่ในลักษณะเอียงและที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเอียงมากน้อยแค่ไหน ศีรษะจะต้องตั้งตรงเท่านั้น การที่ศีรษะตั้งตรงนี้ทำให้เราสามารถอ่านเหตุการณ์ข้างหน้าและรักษาสมดุลของร่างกายกับตัวรถได้ดียิ่งขึ้น

Y2K มอไซเครื่องฮอ


                หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างในยุคก่อนที่ Bigbike เมืองไทยจะเริ่มบูม ว่ามีรถมอไซเจ้า2ล้อ แต่ดันใส่เครื่องฮอลิคอปเตอร์ เร็ว แรงที่สุดในตอนนั้น ถึงขนาดมีหนังเรื่อง Torque บิดทะลวง นำไปเข้าร่วมฉากตอนจบซิ่งบนถนน ซึ่งถึงขั้น กระโปรงเปิด ยางมะตอยกระจาย จะเป็นยังไงใครยังไม่เคยดูลองไปหากันดูเลยนะครับ
ภาพหน้าปกจากเรื่อง TORQUE บิดทะลวง (ปี 2004)




 
เจ้าเครื่องยนต์ใช้ของ Rolls Royce-Allison turbine ซึ่ง ตัว Y2K แรงม้าของเจ้าเครื่องนี้ทำให้ได้ 320 HP และ แรงบิดที่ 576 Nm เลยทีเดียว  แต่!!! ทางบริษัทผู้บริษัทยังไม่พอใจจึงพัฒนา MTT STREETFIGHTER ขึ้นโดยแรงม้าอยู่ที่ 420 bhp และแรงบิดอยู่ที่  680 Nm 

• Y2K   ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 365 km/h
• MTT STREETFIGHTER ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ อย่างน้อย 400 km/h




Search ResultsTorque ทอร์ค บิดทะลวง


ข้อมูลเจ้า Y2K
Make Model
MTT Y2K Turbine Superbike
Year
2001
Engine
Rolls Royce Allison 250 series gas turbine
Max Power
320 hp @ 52000 rpm (286 hp @ rear wheel)
Max Torque
425 ft-lbs @ 2000 rpm
Transmission 
2 Speed automatic
Front Suspension
55 mm inverted
Rear Suspension
mono-shock adjustable oleopneumatic, Öhlins
Front Brakes
2x 320mm discs 4 piston caliper
Rear Brakes
Single 320mm disc 4 piston caliper
Front Tyre
Rear Tyre
Dry Weight
190 kg
Fuel Capacity 
34 Liters
Top Speed250 mp/h  /  402 km/h

     
Y2K เบิร์นยาง



เมื่อ Y2K แข่งกัน JET




วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% มีคุณภาพคุ้มกับราคาหรือไม่?

เป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่จะสอบถามกันครับ ขออธิบายจุดเด่น ของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์กันก่อนนะครับ คือ
  • ข้อดีประการแรก ของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% คือ การมีความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ จึงมีผลทำให้น้ำมันเครื่องไหลไปหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ขณะเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0° องศาเซลเซียส (ซึ่งสภาวะเช่นนี้มีเฉพาะบนเขาสูง ในหน้าหนาวเพียงไม่กี่วันเท่านั้นในประเทศไทย)
  • ข้อดีประการที่ 2 คือ ทนต่อความร้อนสูงที่หัวลูกสูบส่วนบน และผนังกระบอกสูบได้ดี จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอน้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" อัตราการสิ้นเปลือง น้ำมันเครื่องจึงน้อยกว่า
  • ข้อดีประการที่ 3 คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง โดยไม่ต้องใส่สารปรับดัชนีความหนืดในปริมาณมากเท่าน้ำมันเครื่องธรรมดา ว่ากันแบบง่าย ๆ ก็คือ สารปรับดัชนีความหนืด เป็นตัวช่วยไม่ให้น้ำมันเครื่องใส หรือข้นน้อยเกินไปเมื่อถูกความร้อน แต่สารนี้จะเสื่อมสภาพเมื่อถูกความร้อนสูง และแรงเฉือนในเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" จึงรักษาความข้น หรือความหนืดขณะร้อนจัดได้ไม่ดีเท่าตอนที่น้ำมันเครื่องยังใหม่ ๆ อยู่ ส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์นั้น มีโมเลกุลขนาดใกล้เคียงกันคงเส้นคงวาตลอด ไม่ค่อยมีความ เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงไม่ต้องการสารปรับดัชนีความหนืดมาก เหมือนน้ำมันเครื่องธรรมดา อายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงสูงกว่ามาก "ว่ากันอย่างไม่ต้องอ้างอะไรให้ยุ่งยาก อย่างน้อยก็ 2 เท่าของน้ำมันเครื่องธรรมดาครับ"

   แต่ถ้าเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ กับราคาน้ำมันเครื่องธรรมดาระดับน้ำมันเครื่องสูงสุด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ จะมีราคาสูงกว่า 2-3 เท่า ทำให้ไม่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มที่นักว่าคุ้มกว่าการใช้น้ำมันเครื่องธรรมดาหรือไม่ นอกเสียจากข้อมูลดังต่อไปนี้ที่คนทั่วไปนำมาเป็นหลักคิดครับ
  1. ผู้ที่ต้องการดูแลเครื่องยนต์เป็นพิเศษ , ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด และต้องการให้รถของเรามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยหลัก ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเลย
  2. ผู้ที่ชอบของแพง ถ้าอยู่ในฐานะที่สามารถซื้อหาได้ โดยไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือนร้อน (เช่น ต้องแอบจิกเงิน ผบ.ทบ. อิอิ)
  3. ผู้ที่ใช้รถประมาณวันละ 100 กม.ขึ้นไป ไม่ว่าจะใช้ในเมืองหรือขับทางไกลก็ตาม โดยสามารถยึดระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจากที่กำหนดไว้ได้อีก 5,000 ถึง 10,000 กม. เพื่อชดเชยราคาที่สูงกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำมันเครื่องจะเสื่อมสภาพหรือไม่ จึงทำให้หมดห่วงไปได้ในเรื่องของน้ำัมันเครื่อง
การใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพต่ำแต่เปลี่ยนบ่อยดีกว่าหรือไม่?

   ฟันธงได้เลยครับว่า "เป็นวิธีที่ไม่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งครับ" เพราะน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำนั้น จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอตั้งแต่แรกที่เติมแล้วครับ เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องที่สูงกว่า ราคาอาจสูงกว่าแต่เรื่องคุณภาพจะดีกว่ามาก ๆ ครับ จะได้ประหยัดเงินในส่วนของค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ไปได้อีกเยอะครับ แต่มีข้อสำคัญนิดนะครับว่า อย่าแน่ใจจากรูปแบบการบรรจุ และข้อความด้านข้างเท่านั้น เพราะตอนนี้มีน้ำมันของปลอมออกมาขายกันเยอะครับ โดยไม่มีใครตั้งใจจะปราบปรามอย่างจริงจัง ทำให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบอยู่เสมอมา และไม่สามารถไปเรียกร้องกับใครได้ ให้เราคิดเสียว่าของดี ราคาถูก ไม่มีในโลก ถึงจะแพงแต่คับด้วยคุณภาพ อย่างนี้น่าคบกว่าเยอะครับ

การเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง

   ก่อนอื่นเลยก็ต้องเลือกที่ "ยี่ห้อ"และตัวแทนที่มีมาตรฐาน แล้วจึงค่อยเลือกระดับความหนืด และคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เช่น น้ำมันเครื่องโดยทั่ว ๆ ไปจะมีค่าดังต่อไปนี้ครับ 10W-40 , 15W-40 , 15W-50 , 20W-50 ส่วนค่าตัวเลขในชุดหลังนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 40 (ความหนืด) นะครับ ยกเว้นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ถ้าใช้รถในที่หนาวเย็นบ่อยควรเลือกเบอร์แรก ๆ ไว้ก่อนครับ เช่น 10W-40 หรือ 15W-40 จะดีที่สุด ดูข้อมูลค่าตัวเลขได้ตามตารางข้างล่างครับ
การตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเครื่องด้วยตัวคุณเอง

   ตามปกติผู้ใช้รถต้องหมั่นตรวจระดับน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่ควรปล่อยให้ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ต่ำจนเกินไป ซึ่งในการตรวจระดับน้ำมันเครื่อง คุณสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
  • จอดรถอยู่ในแนวระดับราบ อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงาน
  • ดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 4-5 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับมาลงอ่างแล้วจึงทำการตรวจสอบ
  • น้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัดน้ำมันเครื่อง ควรอยู่ระหว่างขีด " F " และ " L " (ส่วนรถมอเตอร์ไซต์ก็ดูที่ตาแมวแถว ๆ บริเวณเครื่องได้ครับ )
  • ถ้าน้ำมันยังไม่ได้ระดับให้เติมน้ำมันเครื่องทีละน้อย จนถึงระดับที่เหมาะสม (น้ำมันควรอยู่ระหว่างขีด " F " และ " L ")
    ข้อควรระวัง
  1. อย่าเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะหากมีน้ำมันเครื่องมากเกินไป ข้อเหวี่ยงอาจตีไปโดน และกระเด็นเข้าสู่ห้องเผาไหม้ จนทำให้เกิดควันขาว และทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
  2. ในระหว่างการตรวจเช็ค ควรระมัดระวัง เพราะอาจสัมผัสถูกท่อร่วมไอเสียขณะที่มีอุณหภูมิสูง

   สุดท้ายนี้ การเลือกใช้น้ำมันเครื่องนั้น ควรใช้ปัจจัยหลาย ๆ อย่างมาเป็นตัวตัดสินใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปฏิบัติตามคู่มือจะดีที่สุด ว่าควรใช้แบบไหนและอย่างไร ในคู่มือการใช้รถมีบอกเอาไว้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าใครต้องการดูแลเครื่องยนต์ให้อยู่ทนทานและสภาพดี และไม่ได้กังวลเรื่องราคามากนัด ก็เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดีไปเลยครับ และสิ่งสำคัญระลึกไว้เสมอครับว่า
"ของดีราคาถูก ไม่มีอยู่ในโลกนี้ ของดีราคาแพง แต่มักจะแพงอย่างมีเหตุผลครับ"
  

HOW TO ยกหน้า !!!

แบบขั้นการเตรียมรถสำหรับมือใหม่
ผู้ที่จะเริ่มหัดสำหรับสายยก 
ก็มีคำถามกันมามากครับสำหรับผู้ที่มีใจรักในสตั้นสายยกสำหรับรถที่จะมาทำเป็นสายยกหรือต้องการที่จะเรียนรู้ที่จะยกหน้าแบบว่าเอาให้เก่งเลยนะครับ มา เริ่มจากการนำรถเดิมมาทำการโมเพื่อเป็นรถสตั้นก่อนสิ่งที่ไม่สำคัญสำหรับสายยกนะครับ


1.ไฟท้ายเดิมและไปเลี้ยวถอดออก เสียดายครับ ที่ถอดไฟท้ายเดิมออกเพราะเราต้องนำเจ้าเหล็กกันหงายติดตั้งเข้าไป โดยวิธีการทำเองหรือจะสั่งโดยตรงจากทางพี่แป๊ปก็ได้ครับ แล้วไฟท้ายไม่มีทำงัย ก็ ไฟหลอด LED เลยครับรักสีไหนก็ใส่เอาต่อเป็นไฟ
เบรกก่ะไฟที่ติดตลอดก็ได้

2.แฮนด์บาร์ อันนี้ไม่จำกัดครับ ท่านถนัดอันไหนก็ใส่อันนั้นแหละครับ(เอาอันที่ถนัดที่สุดนะครับ สวยแพงไม่ถนัดก็ไม่ค่อยดีเท่าไร)


3.ไมล์ถ้าไม่ช่ายความเร็วก็ถอดออก เผื่อสายยกหน้าไม่รุ่งอาจจะไปเจอกัยสายยกตูด ก็เป็นได้ว่างั้น


4.กระจกท่านเวลาเล่นก็ถอดออกเดี๋ยวแตกอย่าขึ้เกียจถอดเข้าถอดออก





เรื่องสิ่งที่จะนำเข้าใส่ในตัวรถนะครับ

1.ยางหน้าป้ายขาว สำหรับถ้าหาได้นะครับไม่แน่ใจบ้านพี่แป๊ปมีอยู่ป่าวตอนนี้ เพื่อการยึดเกาะที่ดีขึ้น
2.ยางหลัง อันนี้ไม่จำกัด แต่ถ้าเอาดีและหล่อก็ยางหน้ากว้าง ตั้งแต่ 130-140 จะยางนอกหรือในก็แล้วแต่ทรัพย์ในกระเป๋า
3.เรื่องสเตอร์ อันนี้มีหลายสูตร ให้เลือกกัน มีทั้งแบบใช้ขี่บนท้องถนนปกติได้ด้วยก็มี14/33 อันนี้ปกติมาตราฐานที่พวกผมใช้กัน13/34 อันนี้โดดดีแต่เวลาขับทางไกลๆๆเหมือนขี่เกียร์315/33 อันนี้ก็ได้อยู่
4.ครัชหรือสปริงครัชก็ยันมันเข้าไปอีกให้โดดเด้งดึ่งๆๆกันไปเลยยกง่ายขึ้น
5.ประกับคันเร่ง แล้วแต่ความถนัดแต่ถ้าแนะนำก็ ประกับแต่งครับ อันไหนก็ได้ราคาไหนก็ได้ขอให้เราใช้ได้
6.โซ๊คก็ตามดวกครับ ลองดูหลายอันแต่ที่ให้เลือกก็ ตัว Y แหละครับจะท๊อปหรือไม่ท๊อปก็ได้
7.อันนี้ขาดไม่ได้เหล็กกันหงาย มือใหม่ก็ออกมายาวหน่อยครับรอให้ชินแล้วค่อยสั้นลง8.เป๊กเท้าก็ลองหามาใส่กันดูครับประโยชน์หลายอย่างอยู่ครับ


                              

แบบฝึกหัด การใช้เบรกและการทรงตัว
ทริกเล็กๆๆน้อยกับการยกหน้าหรือที่เรารู้จักกัน(ว่ายกล้อ)นั้นเองครับ
มาว่ากันเรื่องวิธีการยกกันเลยครับวิธีการยกหน้าก็มีหลายวิธีครับแล้วแต่สูตรและวิธีของแต่ล่ะคนแต่ลักษณะการฝึกหัดก็จะไม่แตกต่างกันมากเท่าไร
- ลักษณะการยกหน้าคือการที่ทำให้ล้อหน้าลอยสูงขึ้นจากพื้นด้วยความสูงที่ตัวเราเป็นคนกำหนดด้วยการเลี้ยงคันเร่งและการทรงตัวเพื่อที่จะให้รถไปข้างหน้าได้ไกลหรือในลักษณะเล่นท่าต่อจากการยกล้อหน้าขึ้นแล้ว
- วิธีฝึกหัดขั้นต้นของมือใหม่ที่จะเริ่มหัดยกหน้า(ยกล้อ) เมื่อเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้วก็มาเริ่มหัดยกกันเลย เริ่มแรกคือการไหลรถออกไปข้างหน้าเพื่อหาจังหวะที่นิ่งของตัวรถระหว่างนั้นก็ใครเหยียบเกียร์ใว้ค้างไว้(จะลึกหรือต่ำก็แล้วแต่ถนัด)ระหว่างเหยียบเกียร์ค้างไว้ในส่วนมือด้านบนก็ให้เปิดคันเร่งในรอบที่สูงขึ้นมาหน่อย พอที่เราได้ยินเสียงแหละครับ แล้วก็ค่อยปล่อยคัยเร่งก่ะเกียร์ที่เราเหยียบไว้พร้อมๆกัน สำหรับมือใหม่ที่เร่มหัดนะครับให้ค่อยปล่อยคันเร่งนะครับอย่ากระแทกคันเร่งแรงเกินไปเพราะจะทำให้รถขึ้นสูงมากอาจทำให้เกิดอาการหงายได้ ค่อยปล่อยให้รถขึ้นไปที่ล่ะนิดแล้วค่อยๆเพิ่มความสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องเอาระยะหรือบิ้ลคันเร่งต่อนะครับเอาแค่อยู่กับที่กับความสูงที่เราต้องการก็พอ ที่สำคัญระหว่างนั้นเท้าข้างขวานะครับ ห้ามออกจากเบรกเลยนะครับ ไม่ว่าจะด้วยอาการตกใจจาก รถเอียงเสียหลัก ให้นึกอยู่ในใจเสมอว่าห้ามเอาเท้าออกจากเบรกเด็ดขาด (มันอาจทำยากมากในตอนแรกๆนะครับแต่ถ้าชินแล้วก็ไม่ยาก)เพราะมันเป็นส่วนเดียวที่จะหยุดรถให้ลงได้

- เมื่อควบคุมรถได้แล้วความสูงได้ระยะแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง เท้า
ซ้ายเกียร์ มือขวาคันเร่ง เท้าขวา
เบรค ก็เริ่มเปิดคันเร่งเพิ่มออกไปที่ล่ะนิดและเพิ่มขึ้นไปเรื่อย(แรกอาจจะเร็วและรถตกไว)ทำใจครับเพราะเรายังทรงตัวยังไม่ได้ หลังจากคันเร่งออกได้มาขึ้น ก็เริ่มหัดทรงตัว

- การหัดทรงตัว การทรงตัวมีหลายส่วนที่สัมพันธ์กันระหว่างการยกล้อ เช่น ส่วนช่วงหัวเข่าซ้ายและขวาส่วนของแขนซ้ายและขวา ช่วงระหว่างเอวของเรา ส่วนต่างที่กล่าวมามีความสำคัญมากในการที่จะโยกระยะของการยกล้อไปให้ได้ไกล และมีส่วนที่จะทำให้รถเกิดการทรงตัวที่ดีขึ้นแถมยังมีประโยชน์ในการเพิ่มทักษะในการขับขี่ทั่วไปและเพราะพื้นฐานของการโยกเพื่อควบคุมรถจะนำไปใช้ในท่าอื่นที่ท่านจะเล่นต่อๆไป


-  การแตะ
เบรกหรือที่เราเรียกว่าเลี้ยงเบรก การแตะเบรกที่ดีไม่ควรที่จะกระแทกเบรกแรงๆเพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย คือเมื่อท่านกระแทกเบรกหลังแรงพอรถตกลงกับพื้นตัวท่านอาจจะพุ่งออกไปด้นหน้าได้เนื่องจากความแรงของการกระแทกเบรกนั้นเองครับ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงเบรกที่ดีควรที่จะค่อยๆแตะเรื่อยๆเอาแค่พออยู่นะครับ พยายามอย่าค้างเบรกตลอดเพราะจะทำให้เกิดอาการร้อนของจานเบรคเพราะมากๆเบรกจะลื่นแล้วตัวท่านจะหงายลงไปได้
-  การเปิดคันเร่ง การเปิดคันเร่งมีความสำคัญและความสัมพันธ์กับ
เบรกค่อนข้างสูงและมีผลเป็นอย่างมากการเปิดคันเร่งควรพยายามเปิดให้เป็นจังหวะไม่ควรกระแทกแรงเกินไปสำหรับมือใหม่นะครับค่อยเปิดให้เป็นจังหวะแล้วตัวรถจะวิ่งออกไปด้วยความสวยงามคือจะไม่ค่อยกระตุกมากครับ




       ลองเอาไปฝึกหัดกันดูนะครับระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักไม่ว่าตัวเราเองหรือบุคลคอื่นที่อยู่รอบๆตัวเรามั่นขยันและฝึกหัดอยู่เป็นประจำ คราวหน้าเดี๋ยวจาเอาทริกขั้นเทพและท่าต่างมาให้ทราบกันหลังจากที่เรานั่งยกได้นิ่งและพื้นฐานดีแล้ว ว่าท่ายกหน้าที่เล่นท่าต่อจากนั่งมันมีอะไรกันบ้าง

       ทริกสายยกกับการใช้
เบรกเท้า เดิมๆ การยกที่จังหวะและสวยงามได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับการควบคุมเบรกและคันเร่งให้สำพันธ์กัน หลายท่านถามว่าทำมัยยกขึ้นแล้วเลี้ยงได้แล้วมัยไม่ไกลสักที ยังเร็วอยู่หรือยังหงายอยู่เป็นประจำตอบให้เลยนะครับ ว่าเรายังไม่มีการใช้เบรกได้ไม่ สำพันธ์กับคันเร่งได้อย่างเต็มรูปแบบ บางคนใช้เบรกในการยกที่ผิดอยู่รอบๆตัวเรามั่นขยันและฝึกหัดอยู่เป็นประจำ คราวหน้าเดี๋ยวจาเอาทริกขั้นเทพและท่าต่างมาให้ทราบกันหลังจากที่เรานั่งยกได้นิ่งและพื้นฐานดีแล้ว ว่าท่ายกหน้าที่เล่นท่าต่อจากนั่งมันมีอะไรกันบ้างทริกสายยกกับการใช้เบรกเท้า เดิมๆ การยกที่จังหวะและสวยงามได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับการควบคุมเบรกและคันเร่งให้สำพันธ์กัน หลายท่านถามว่าทำมัยยกขึ้นแล้วเลี้ยงได้แล้วมัยไม่ไกลสักที ยังเร็วอยู่หรือยังหงายอยู่เป็นประจำ   ตอบให้เลยนะครับ "ว่าเรายังไม่มีการใช้เบรกได้ไม่ สำพันธ์กับคันเร่งได้อย่างเต็มรูปแบบ บางคนใช้เบรกในการยกที่ผิด"

1. การเช็คเบรกก่อนเล่นไม่ว่าจะเป็นผ้าเบรกจานเบรก ว่ามีอาการหรือสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมหรือไม่ เช่น จานคด ผ้า
เบรกหมดหรือเหลือน้อยปั๊มกระทุ้งทำงานดีรึป่าว มีรอยรั่วของน้ำมันรึป่าว ตำแหน่องที่เหยียบอยู่ในตำแหน่งเดิมรึป่าว( อันนี้เหตุเกิดจาการล้มบ้าง)

2.การวอม
เบรกก่อนเล่นกับสนามที่คุณจะเล่นวางระดับเบรกที่เรากดลงไปเนี้ยแต่ล่ะพื้นและแต่ละจังหวะที่เราเล่นเนี้ยมันอยู่ในระดับไหนส่วนตรงไหนที่เราจะเล่นท่าหรือที่เราจะคอนโทรลผ่านบริเวณจุดนั้นปล่อยๆสำคัญ ตัวเราจะได้เซ๊คพื้และรถด้วยว่าเราเล่นได้แค่ไหนลองใช้เบรกหนักเบรกเบาดูเรื่อยเอาจนเข้าใจ

3. เมื่อได้ตามข้อ 2 . เรียบร้อยแล้วก็ให้มาเริ่มหัดยกเบาๆวอมพื้นฐานไปเรื่อย วอมให้ครบทุกๆท่า หรือเท่าที่เราจะทำได้ให้มากที่สุดอย่าพึ่งออกไปเล่นท่าเลย ถือว่าเป็นการเซ๊คไปในตัวได้เลยที่เดียวมาว่าการเลี้ยง
เบรกครับ หลักเราก็นึกเอาเสียว่าการยกล้อเหมือนกับการขับขี่ 2 ล้อเหมือนปกตินั้นแหละครับเพียงแต่เราไม่ได้ใช้เบรกหน้าเท่านั้นเองเมื่อ มีการเปิดคันเร่ง ก็ต้องเดินหน้าต่อ เมื่อมีการผ่อนคันเร่งหรือหยุดก็ต้องมีเบรก แต่อยู่ที่ว่าการเบรกหนักและเบาขึ้นอยู่ที่อะไร   แค่นั้นเองครับ






ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่เลยนะครับ
สิ่งที่ท่านไม่ควรทำอย่างยิ่งในระหว่างหัดยกใหม่คือ


1. ตั้งรอบที่สูงเล่น อย่าไปเอาแบบอย่างพวกที่เขาเป็นแล้วเพราะพวกที่เป็นแล้วแต่ล่ะครั้งที่เขาตั้งรอบเล่นมันย่อมมีเหตุผลหลากหลายและแตกต่างกันออกไป
เหตุผลเพราะ : ท่านจะไม่รู้รอบคันเร่งของท่านเลยและท่านจะติดไปจนท่านเล่นเก่ง แล้วเทคนิดที่ท่านจะได้จากส่วนการเดินคันเร่งหายไปแน่นอนชัวร์


2. หัดยั่งงัยก็ให้หัดอย่างนั้นไปเรื่อยๆอย่างรีบร้อนเห็นคนเก่งเล่นอย่า/ห้ามเลยอย่าไปดูมันเล่นดูได้แต่ห้ามไปทำตามอย่าท้อเล่นไปเรื่อยๆอย่าหยุดแล้วก่อนเล่นก็ตั้งความในใจไว้นิดนึ่งว่าวันนี้ท่านจะทำอะไร เล่นพื้นฐานมีหลากหลายฐานมากยิ่งถ้านั่งยกน่ะตั้งใจไว้เลยว่า วันนี้สูงเท่านี้ พรุ่งนี้ก็ต้องสูงขึ้นอีกนิด ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆทำจนกว่าจะชินกับความสูง ทุกๆๆระดับ มันมีข้อดีที่ตรงว่า ท่านจะไม่กว่ากับความสูงที่ท่านชินแล้ว ทุกๆระดับแล้วท่านก็จะเล่นได้กับความสูงของท่านไม่ว่าท่านั้นจะคิดเอง ก็ตาม


3.ไอ้ที่หัดใหม่เนี้ย ยกแขนยกขาอย่าทำ เอาเวลาไปหัดเหยียบ
เบรกก่อนเลยเอาไปทำให้ได้ แล้วก็
ห้ามเอาขาออกจากเบรกเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม

4.ห้ามนำสิ่งที่ให้เหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด เด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ ขอให้คิดว่ายังมีคนทำแบบคุณอีกเป็นพันๆคน ณ.เวลาปัจุจบันของประเทศไทยทำดีก็มีคนเอาแบบอย่างที่ดี รุ่นน้องเราตามมาเล่นคนเขาก็จะได้มองในแนวทางที่ดีๆอยู่เสมอๆ ขอแค่นี้แหละครับ

ท่ายก BIGBIKE กรณีรถล้ม

              หลายท่านสงสัย และใช้ท่าในทางที่ไม่ถูกต้องในการยกทำให้ปวดหลัง หรือปวดกล้ามเนื้อในขณะยก ในบทความนี้จะมาแนะนำท่ายกในทางที่ถูกต้องครับ



      1. ขั้นตอนแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนเป็นอันดับแรกนั้นก็คือให้สาวๆทำการดับเครื่องยนต์ (กดสวิทช์ Run-off) ก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อป้องกันคันเร่งค้างแล้วอาจจะเกิดอันตรายแก่ตัวเอง (หากกรณีรถล้มทางด้านขวาให้สาวๆตั้งขาตั้งรถบิ๊กไบค์ไว้ก่อน)


  2. หลังจากที่ดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว ให้สาวๆสังเกต ให้เดินสำรวจความเสียหายรอบๆ ที่พื้นบริเวณตรงตัวถังน้ำมันว่ามีน้ำมันไหลออกมาจากตัวถังน้ำมันหรือไม่ เพื่อป้องกันการลืนเมื่อสาวๆยกรถบิ๊กไบค์ขึ้น



          3.ต่อไปเป็นขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมนั่นก็คือให้สาวๆนั่งบริเวณข้างเบาะของตัวรถบิ๊กไบค์โดยขาทั้ง 2 ข้างอยู่ในลักษณะชันเข่าขึ้น


          4. จากนั้นให้ใช้มือซ้ายจับไปที่แฮนด์และกำมือเบรกเพื่อป้องกันรถเคลือนตัวไหลไปข้างหน้ากรณียกรถบิ๊กไบค์ขึ้น ส่วนมือขวาจับไปที่บริเวณท้ายรถเพื่อประครองยกรถบิ๊กไบค์ขึ้น




          5. ขั้นตอนต่อไปให้ใช้ขาทั้ง 2 ส่งกำลังขาไปที่สะโพกแล้วค่อยๆ ทำการดันตัวรถบิ๊กไบค์ขึ้นอย่างช้าๆ เป็นสเต็ปๆ อย่ารีบร้อนเพราะถ้ารีบอาจจะทำให้เกิดอาการเจ็บหลังได้คะ




          6. หลังจากเมื่อยกรถบิ๊กไบค์ตั้งขึ้นตรงได้แล้วให้สาวๆ ค่อยๆ หมุนแฮนด์ให้ตรงและหักแฮนด์ไปอีกฝั่งหนึ่งปล่อยรถวางลงบนขาตั้งอย่างช้าๆเพียงเท่านี้ก็สามารถยกรถบิ๊กไบค์ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วคะ
          

อีกวิธีหนึ่ง





- อยู่ในฝั่งที่รถล้ม
- หักแฮนจนสุดลงด้านที่ล้ม (อันนี้งงนิดนึง เพราะส่วนใหญ่เราจะหักด้านตรงข้าม)
- หาจุดบาลานซ์ระหว่างสองล้อและเครื่องยนต์
- นั่งลง หันหน้าออกจากตัวรถ ใช้ก้นและหนังล่างแตะที่เบาะ ดันตัวขึ้นจนเกือบสุด โดยให้หลังอยู่ในท่าตรงเสมอเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
- มือหนึ่งจับที่แฮนด์กริบ เกร็งข้อมือ
- อีกมือหนึ่งจับที่เฟรมรถมอเตอร์ไซด์ในส่วนที่แข็งแรง (ระวังท่อไปเสีย หรือจุดที่ร้อน)
- ค่อยๆ ดันต่อไปทีละน้อยด้วยก้นหรือหลัง
- เมื่อรถลอยขึ้นมาในระดับหนึ่งให้รีบก้าวขาขยับตัวเข้าหารถ 
- ใช้สะโพกประคองรับน้ำหนักรถแล้วดันรถตั้งขึ้นสู่จุดบาลานซ์