หน้าแรก

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีการเข้าโค้งของชาว 2 ล้อ


จากที่ผมศึกษาอ่านวิธีการเข้าโค้งจากเว็บไซด์ต่างๆหลายๆเว็บไซด์ ผมเลยเลือกเว็บที่เข้าใจง่ายสุด อ่านง่ายสุดมา ให้ผู้อ่านได้อ่านกัน 





1.แบบ Lean-out (ลีน เอ้าท์)
          การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวค่อนไปทางด้านนอกโค้ง โดยตัวรถจะเอียงเข้าไปด้านในโค้งเล็กน้อย ซึ่งจะเหมาะสำหรับสภาพผิวทางโค้งที่สามารถลื่นไถลได้ง่าย การเข้าโค้งในลักษณะ Lean-out นี้จึงพบมากในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบาก เนื่องจากสามารถควบคุมรถแม้เมื่อเกิดการลื่นไถลต่างๆ ได้ดี

  
2.แบบ Lean-With (ลีน วิท)
          การเข้าโค้งในลักษณะนี้ เรียกได้ว่าผู้ขับขี่นั้นจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวรถเลยก็คงจะไม่ผิด กล่าวคือทั้งรถและผู้ขับขี่จะเอียงไปเท่าๆ กัน ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานปกติเพราะผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนทิศทางและควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย โดยที่มือและเท้ายังคงทำงานได้อย่างสะดวก เป็นท่าทางการเข้าโค้งแบบมาตรฐานของการขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกประเภท ที่จะช่วยให้เรามีความปลอดภัยในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

 
3.แบบ Lean-In (ลีน อิน)
          การเข้าโค้งแบบนี้ทางด้านผู้ขับขี่จะต้องถ่วงน้ำหนักไปทางด้านในโค้ง โดยเอียงมากกว่าตัวรถเล็กน้อย เหมาะสำหรับการเข้าโค้งที่ต้องการความเร็วและมั่นใจในการยึดเกาะของรถได้ การเข้าโค้งแบบนี้จะให้ความคล่องตัวในการบังคับควบคุมน้อยกว่าแบบ Lean-with



4.แบบ Hang-on (แฮงค์ ออน)
          การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะถ่วงน้ำหนักตัวไปด้านในโค้งมาก จนอยู่ในลักษณะแบบที่เราเรียกกันว่า "โหนรถ" เพื่อการทรงตัวที่ต้องบาล้านซ์กับแรงเหวี่ยงมากๆ จากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การเข้าโค้งแบบนี้ผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมรถได้ค่อนข้างยาก ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานปกติ เพราะส่วนมากแล้วจะใช้การแบนโค้งในลักษณะนี้เฉพาะในสนามแข่งทางเรียบเท่านั้น



 
         จากท่าทางการเข้าโค้ง 4 แบบที่กล่าวมา เราจะเห็นได้ว่าการขับขี่เข้าโค้งแบบ Lean-With (แบบมาตรฐาน) เป็นท่าที่เหมาะสมและให้ความปลอดภัยมากที่สุด ตลอดจนเป็นท่าทางที่ต่อเนื่องมาจากท่าทางการขับขี่แบบปกติ ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนท่าก่อนหรือในขณะเข้าโค้ง กล่าวง่ายๆ ก็คือ เท้าทั้งสองอยู่บนพักเท้า หัวเข่าแนบกระชับถังน้ำมัน  แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือจากที่รถอยู่ในลักษณะตั้งตรงมาอยู่ในลักษณะเอียงและที่สำคัญก็คือไม่ว่าจะเอียงมากน้อยแค่ไหน ศีรษะจะต้องตั้งตรงเท่านั้น การที่ศีรษะตั้งตรงนี้ทำให้เราสามารถอ่านเหตุการณ์ข้างหน้าและรักษาสมดุลของร่างกายกับตัวรถได้ดียิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น